Nothing Special   »   [go: up one dir, main page]

ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าปเสนทิโกศล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าปเสนทิโกศล
ราชา
ปเสนทิ
พระเจ้าปเสนทิโกศลขณะเสด็จไปพบพระพุทธเจ้า
กษัตริย์เเห่งเเคว้นโกศล
ครองราชย์534 ปีก่อน ค.ศ.
ก่อนหน้าพระเจ้าสัญชัยมหาโกศล
ถัดไปวิฑูฑภะ
ราชินีมัลลิกาแห่งโกศล
พระราชบุตรJeta, วิฑูฑภะ, วชิรกุมารี
ราชวงศ์อิกษวากุ
พระราชบิดาพระเจ้าสัญชัยมหาโกศล

ปเสนทิ (ปะ-เส-นะ-ทิ; บาลี: पसेनदि, อักษรโรมัน: Pasenadi) หรือ ประเสนชิต (ปฺระ-เส-นะ-ชิด; สันสกฤต: प्रसेनजित्, อักษรโรมัน: Prasenajit; ป. ศตวรรษที่ 6 ก่อน ค.ศ.) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งโกศลจากราชวงศ์อิกษวากุ เสวยราชย์อยู่ ณ เมืองสาวัตถี สืบต่อจากพระบิดา คือ พระเจ้าสัญชัยมหาโกศล[1] ถือเป็นอุบาสกที่สำคัญพระองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้า และทรงสร้างวิหารอารามไว้หลายแห่ง เช่น วัดราชิการามเป็นวัดที่พระเจ้าปเสนทิโกศลสร้างถวายเพื่อเป็นที่อยู่ของพระภิกษุณี มีพระราชบุตรชื่อ วิฑูฑภะและวชิรกุมารี

พระชนมชีพ

[แก้]

ต้นพระชนมชีพ พระเจ้าปเสนทิทรงศึกษา ณ ตักศิลา ต่อมา ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งโกศล (ปัจจุบันคืออวัธ)[2] พระมเหสีพระองค์แรก คือ เจ้าหญิงพระองค์หนึ่งจากมคธที่มีศักดิ์เป็นพระเชษฐภคินี/ขนิษฐาในพระเจ้าพิมพิสาร พระมเหสีพระองค์ที่สองมีพระนามว่า วาสภขัตติยา เป็นพระธิดาของพระเจ้ามหานามะแห่งราชวงศ์ศากยะ โดยให้กำเนิดพระราชโอรสนามวิฑูฑภะ และพระราชธิดานามวชิรกุมารีที่ภายหลังอภิเษกสมรสกับพระเจ้าอชาตศัตรู[3][2] พระเจ้าปเสนทิยังมีพระมเหสีพระองค์ที่สาม พระนามว่า มัลลิกา เป็นบุตรีของคนทำมาลัย

รัชสมัย

[แก้]

ในรัชสมัยพระเจ้าปเสนทิโกศล โกศลกลายเป็นเจ้านครศักดินา (suzerain) ของสาธารณรัฐชนเผ่า Kālāma[4] และดินแดนของพระองค์ยังคงความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับเผ่าลิจฉวีทางตะวันออกของอาณาจักร[5]

ครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าปเสนทิเสด็จไปจากพระนคร มหาอำมาตย์ของพระองค์ นามว่า ทีฆการายนะ ตั้งเจ้าชายวิฑูฑภะขึ้นเสวยราชย์แทน พระเจ้าปเสนทิจึงเสด็จไปยังมคธเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอชาตศัตรู แต่พระเจ้าปเสนทิสิ้นพระชนม์ที่นอกประตูเมืองราชคฤห์เสียก่อนจะได้พบพระเจ้าอชาตศัตรู[6] เจ้าชายวิฑูฑภะจึงได้เป็นพระมหากษัตริย์ต่อจากพระองค์[7] แต่ ปุราณะ ว่า ผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ คือ กษุทรกะ มิใช่วิฑูฑภะ[8]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Raychaudhuri H. (1972). Political History of Ancient India, Calcutta: University of Calcutta, pp.90,176
  2. 2.0 2.1 Sastri 1988, p. 17.
  3. Pasenadi. PaliKanon.com
  4. Sharma 1968, p. 231-236.
  5. Sharma 1968, p. 121.
  6. Raychaudhuri H. (1972). Political History of Ancient India, Calcutta: University of Calcutta, pp.176-8,186
  7. Sen 1999, p. 107.
  8. Misra, V. S. (2007). Ancient Indian Dynasties, Mumbai: Bharatiya Vidya Bhavan, ISBN 81-7276-413-8, pp.287-8

บรรณานุกรม

[แก้]