พระราชวังพลาเซนเชีย
พระราชวังพลาเซนเชีย Palace of Placentia | |
---|---|
ภาพวาดของพระราชวังพลาเซนเชียจาก ภาพวาดลายเส้นของคริสต์ศตวรรษที่ 17 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
สถานะ | ถูกรื้อถอน |
ประเภท | พระราชวัง |
สถาปัตยกรรม | ทิวดอร์ |
เมือง | กรีนิช |
ประเทศ | สหราชอาณาจักร |
พิกัด | 51°28′56″N 0°00′24″W / 51.48222°N 0.00667°W |
เริ่มสร้าง | ค.ศ. 1447 |
รื้อถอน | คริสต์ศตวรรษที่ 17 |
ผู้สร้าง | ฮัมฟรีย์ ดยุคแห่งกลอสเตอร์ |
พระราชวังพลาเซนเชีย (อังกฤษ: Palace of Placentia) เป็นพระราชวังของพระราชวงศ์อังกฤษที่สร้างโดยฮัมฟรีย์ ดยุคแห่งกลอสเตอร์ในปี ค.ศ. 1447 [1] ที่กรีนิชบนฝั่งแม่น้ำเทมส์ทางใต้ของลอนดอน พระราชวังถูกรื้อทิ้งในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และสร้างแทนที่ด้วยโรงพยาบาลกรีนิช (ปัจจุบันคือราชวิทยาลัยราชนาวีเดิม) เมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17
ประวัติ
[แก้]ฮัมฟรีย์ ดยุคแห่งกลอสเตอร์เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 6 และสร้างวังโดยตั้งชื่อว่า "เบลลาคอร์ต" (Bella Court) ในปี ค.ศ. 1447 ต่อมาเมื่อหลังจากกลายเป็นผู้ไม่ได้รับการโปรดปรานโดยพระราชินีพระองค์ใหม่มาร์กาเร็ตแห่งอองชู ฮัมฟรีย์ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และเสียชีวิตในคุก วิลเลียม เชคสเปียร์กล่าวว่าฮัมฟรีย์ถูกฆาตกรรม จากนั้นพระราชินีมาร์กาเร็ตก็ทรงยึดเบลลาคอร์ตและตั้งชื่อใหม่ว่า "พระราชวังพลาเซนเชีย" หรือบางครั้งก็สะกดเป็น "Palace of Pleasaunce"
พระราชวังพลาเซนเชียกลายมาเป็นพระราชฐานที่ประทับหลักต่อมาอีกสองร้อยปี และเป็นที่ประสูติของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ในปี ค.ศ. 1491 และมีบทบาทอันสำคัญในรัชสมัยของพระองค์ หลังจากการเสกสมรสกับแคเธอรีนแห่งอารากอนแล้วพลาเซนเชียก็เป็นที่ประสูติของแมรี ทิวดอร์ผู้ต่อมาครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1516 หลังจากการเสกสมรสเป็นครั้งที่สองกับแอนน์ โบลีน พลาเซนเชียก็เป็นที่ประสูติของเอลิซาเบธ ทิวดอร์ผู้ต่อมาครองราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ในเดือนกันยายนปี ค.ศ. 1533 ต่อมาพระองค์ก็ทรงเสกสมรสกับแอนน์แห่งคลีฟส์ที่พลาเซนเชียในปี ค.ศ. 1540 1540 ต้นไม้ในอุทยานต้นหนึ่งกรีนิชเรียกก้นว่าต้นโอคพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่กล่าวกันว่าเป็นที่ที่ใช้ในการทรงพระสำราญเมื่อยังทรงพระเยาว์
ทั้งเจ้าหญิงแมรี และเจ้าหญิงเอลิซาเบธใช้เวลาเจริญพระชันษาขึ้นมาที่พระราชวังพลาเซนเชียเป็นเวลาหลายปีในคริสต์ศตวรรษที่ 16 แต่เมื่อมาถึงรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 1 and สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ก็ได้มีการสร้างตำหนักพระราชินีทางด้านใต้ของพระราชวัง เมื่อมาถึงช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษพระราชวังพลาเซนเชียก็ตกอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ระหว่างนั้นก็ใช้เป็นโรงงานทำบิสคิต และ ที่จำขังนักโทษสงครามอยู่ระยะหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1660 สมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ทรงตัดสินพระทัยสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นแทนที่ โดยทรงจ้างจอห์น เวบบ์ให้เป็นสถาปนิกในการสร้างพระราชฐานขึ้นใหม่ แต่ส่วนเดียวที่สร้างเสร็จคือทางปีกตะวันออกของในที่ที่ปัจจุบันคือลานพระเจ้าชาร์ลส์ แต่ก็มิได้เคยทรงใช้เป็นที่ประทับ ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ถูกรื้อถอน และ ทิ้งว่างอยู่จนกระทั่งเมื่อมาก่อสร้างโรงพยาบาลกรีนิชที่เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1694
กลุ่มสิ่งก่อสร้างของโรงพยาบาลกรีนิชกลายมาเป็นราชวิทยาลัยราชนาวีกรีนิชในปี ค.ศ. 1873 เมื่อวิทยาลัยราชนาวีย้ายมาจากพอร์ทสมัธ ในปัจจุบันกลุ่มสิ่งก่อสร้างเป็นมหาวิทยาลัยกรีนิช และ วิทยาลัยดนตรีทรินิตี
การก่อสร้างท่อระบายน้ำเมื่อปลายปี ค.ศ. 2005 พบซากสิ่งก่อสร้างจากสมัยทิวดอร์ที่ไม่ทราบจุดประสงค์ เมื่อทำการขุดค้นทางโบราณคดีที่เสร็จในเดือนมกราคมปี ค.ศ. 2006 พบชาเปลทิวดอร์และห้องศาสนภูษาที่ยังมีพื้นกระเบื้องดั้งเดิมอยู่ ห้องศาสนภูษาจึงเป็นห้องที่ไม่ได้ถูกทำลายไปพร้อมกับส่วนอื่นๆ ของพระราชวังและต่อมาได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นห้องเหรัญญิกของโรงพยาบาลกรีนิช
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Bold, p.7
- Bold, John (2000) Greenwich: An Architectural History of the Royal Hospital for Seamen and the Queen's House (Paul Mellon Centre for Studies in British Art in association with English Heritage), ISBN 978-0300083972