แดร์เรน เบนต์
แดร์เรน แอชลีย์ เบนต์ (อังกฤษ: Darren Ashley Bent, เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกา ตำแหน่งกองหน้า โดยเล่นในระดับพรีเมียร์ลีกให้กับ 9 สโมสร และติดทีมชาติอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 2006–2011 ในยุคของสเวน-เยอราน เอริกซอน, สตีฟ แม็คคลาเรน และฟาบีโอ กาเปลโล นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากเกินกว่า 100 ประตู
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | แดร์เรน แอชลีย์ เบนต์[1] | ||
เกิด | [2] | 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984||
เกิดที่ | ทูทิง อังกฤษ | ||
สูง | 5 ฟุต 11 นิ้ว (1.80 เมตร)[2] | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า | ||
ชุดเยาวชน | |||
?–1998 | ก็อดแมนเชสเตอร์โรเวอส์ | ||
1998–2001 | อิปสวิชทาวน์ | ||
ชุดใหญ่* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น† | (ประตู)† |
2001–2005 | อิปสวิชทาวน์ | 122 | (48) |
2005–2007 | ชาร์ลตันแอธเลติก | 68 | (31) |
2007–2009 | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 60 | (18) |
2009–2011 | ซันเดอร์แลนด์ | 50 | (31) |
2011–2015 | แอสตันวิลลา | 61 | (21) |
2013–2014 | → ฟูลัม (ยืมตัว) | 24 | (3) |
2014 | → ไบรตัน (ยืมตัว) | 5 | (2) |
2015 | → ดาร์บีเคาน์ตี (ยืมตัว) | 15 | (10) |
2015–2018 | ดาร์บีเคาน์ตี | 58 | (12) |
2018 | → เบอร์ตันอัลเบียน (ยืมตัว) | 15 | (2) |
ทีมชาติ‡ | |||
อังกฤษ ยู 15 | |||
2000–2001 | อังกฤษ ยู 16 | 6 | (0) |
2002 | อังกฤษ ยู 19 | 3 | (0) |
2003–2005 | อังกฤษ ยู 21 | 14 | (9) |
2006–2011 | อังกฤษ | 13 | (4) |
† ลงเล่น (ประตู) |
เบนต์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลก็อดแมนเชสเตอร์ โรเวอส์ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลระดับสมัครเล่นในเคมบริดจ์เชอร์และถูกค้นพบโดยแมวมองของอิปสวิช ทาวน์ ก่อนจะเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสรในปี ค.ศ. 1998 หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของอิปสวิช ทาวน์ เป็นครั้งแรกด้วยอายุเพียง 17 ปี ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001–2002 แม้ในฤดูกาลดังกล่าวสโมสรจะตกชั้นแต่หลังจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของสโมสรในอีเอฟแอลแชมเปียนชิป โดยลงสนามในลีกให้กับอิปสวิช ทาวน์รวม 122 นัด และยิงในลีกได้ 48 ประตู
ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005–06 ชาร์ลตัน แอธเลติก ได้ซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยราคา 2.5 ล้านปอนด์ ทำให้เขาได้เล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง ก่อนจะสร้างผลงานเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของสโมสรถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี ค.ศ. 2007 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติถึง 16.5 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาลแรกเขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักโดยตกเป็นตัวสำรองของดีมีตาร์ เบร์บาตอฟและร็อบบี คีน ต่อมาในฤดูกาล 2008–09 เมื่อเบร์บาตอฟและคีน ย้ายออกจากทีมไปทำให้เขาได้เล่นเป็นกองหน้าตัวจริงของทีมคู่กับโรมัน ปัฟลูย์เชนโค โดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008–09 ได้ 12 ประตู แต่การย้ายกลับมาร่วมทีมอีกครั้งของร็อบบี คีน หลังย้ายออกไปแค่ 6 เดือน ทำให้แดร์เรน เบนต์ ต้องกลับมาแย่งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลนั้นก็ตาม
ฤดูกาล 2009–10 เบนต์ย้ายมาร่วมทีมซันเดอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของสตีฟ บรูซและแสดงผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกถึง 24 ประตู โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมรวมถึงเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าวรองจากดีดีเย ดร็อกบา และเวย์น รูนีย์ และจากผลงานการยิงประตูของเขาทำให้เฌราร์ อูลีเย ตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีมแอสตัน วิลลา ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรที่ 18 ล้านปอนด์โดยอาจเพิ่มถึง 24 ล้านปอนด์ตามผลงานของเขา[3] โดยแม้เขาจะย้ายมายังแอสตัน วิลลา ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2010–11 แต่ก็สามารถยิงประตูให้ทีมได้ 9 ประตู และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมร่วมกับแอชลีย์ ยัง รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010–11 ที่จำนวน 17 ประตู (8 ประตู ยิงให้ซันเดอร์แลนด์ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก) ในฤดูกาลต่อมาแม้ว่าเขาจะยิงประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และยังคงเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนั้น แต่กลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักจากการเข้าสกัดบอลของอันโตลิน อัลการัซ กองหลังของวีแกน แอธเลติก จนเอ็นข้อเท้าฉีก[4] หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บกลับมาได้ในฤดูกาล 2012–13 เขาต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับที่ 4 ในตำแหน่งกองหน้าต่อจากคริสตีย็อง แบนเตเก, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์และอันเดรอัส ไวมัน ทำให้เขาต้องย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวโดยเขาย้ายไปเล่นให้กับฟูลัม ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013–14 แต่ก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ โดยยิงในลีกได้เพียงแค่ 3 ประตูตลอดฤดูกาล ต่อมาในฤดูกาล 2014–15 เขาย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้งกับไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียนและดาร์บี เคาน์ตีในอีเอฟแอลแชมเปียนชิป ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรแอสตัน วิลลาในที่สุด[5]
หลังหมดสัญญากับแอสตัน วิลลา เบนต์ย้ายมาร่วมทีมดาร์บี เคาน์ตี แบบไม่มีค่าตัว ก่อนจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2017–18 เบนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา จนไม่ได้ลงสนามให้กับทีมและหลังจากที่เข้ารับการรักษาเขาได้ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวให้กับเบอร์ตัน อัลเบียน และหมดสัญญากับดาร์บีหลังจบฤดูกาล
แดร์เรน เบนต์ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในปี ค.ศ. 2019[6]
การเล่นทีมชาติ
แก้แดร์เรน เบนต์ ถูกเดวิด แพลตต์ เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 [7][8]หลังมีผลงานโดดเด่นกับสโมสรอิปสวิช ทาวน์ และได้ลงแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบคัดเลือก โดยเขาสามารถยิงประตูได้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกนัดเพลย์ออฟกับทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี แต่อังกฤษต้องตกรอบเนื่องจากผลประตูรวม 2 นัดแพ้ไป 2–3[9][10]
ต่อมาจากผลงานการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกกับชาร์ลตัน แอธเลติก ทำให้แดร์เรน เบนต์ถูกสเวน-เยอราน เอริกซอนเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันนัดกระชับมิตรกับทีมชาติเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005[11] แต่ไม่ได้ถูกส่งลงสนาม ก่อนจะได้ลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2006 โดยเป็นการพบกับทีมชาติอุรุกวัยที่สนามแอนฟีลด์ ในการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการแข่งกระชับมิตรเพื่อเตรียมความพร้อมและคัดตัวผู้เล่นที่จะใช้ในฟุตบอลโลก 2006 โดยท้ายที่สุดแล้วเขาก็ถูกตัดออกจากทีมชุดแข่งฟุตบอลโลก[12]
หลังจากนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปแข่งในฟุตบอลโลกแต่ก็ยังถูกเรียกตัวติดทีมชาติในฐานะกองหน้าตัวสำรองอยู่เป็นระยะๆ เช่นการถูกเรียกมาแทนแอนดรูว์ จอห์นสัน กองหน้าทีมชาติที่บาดเจ็บกะทันหัน ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก[13] โดยทีมชาติอังกฤษตกรอบและไม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย รวมถึงการถูกเรียกตัวในนามทีมชาติแทนที่คาร์ลตัน โคล ที่บาดเจ็บในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก และมีรายชื่อเป็นหนึ่งใน 30 ผู้เล่นที่ผ่านการคัดตัวเพื่อไปแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแอฟริกาใต้[14] ก่อนจะหลุดออกจากทีมในช่วงที่คัดเหลือ 23 คน
แดร์เรน เบนต์ ยิงประตูแรกในนามทีมชาติได้เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2010 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก นัดที่พบกับทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ หลังลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่เจอร์เมน เดโฟ[15] โดยฟาบีโอ กาเปลโลผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้นได้กล่าวชื่นชมฟอร์มการเล่นของเขาในทีมชาติ ก่อนจะส่งเขาเป็นผู้เล่นตัวจริงในนัดต่อมาซึ่งเป็นการแข่งขันกระชับมิตรกับทีมชาติเดนมาร์ก และเบนต์สามารถยิงประตูได้จากลูกผ่านของทีโอ วอลคอตต์ หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสให้เป็นกองหน้าตัวจริงของทีมชาติอีกครั้งในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก นัดที่พบกับทีมชาติเวลส์ และยิงประตูให้อังกฤษเอาชนะไปได้ 2–0 โดยถือเป็นการยิงประตูให้ทีมชาติ 3 นัดติดต่อกัน[16]
หลังจากนั้นแม้ว่าในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบคัดเลือก เขาจะเป็นผู้เล่นตัวหลักและยิงประตูให้ทีมชาติได้อีกครั้งในการพบกับทีมชาติมอนเตเนโกร แต่เขากลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักที่เอ็นข้อเท้าและต้องเข้ารับการรักษา ทำให้รอย ฮอดจ์สันผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้นต้องตัดชื่อเขาออกจากทีมชุดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 เนื่องจากสภาพร่างกาย โดยหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บเขาก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมได้เหมือนเดิมจนตกเป็นตัวสำรองของสโมสรและไม่ได้รับการเรียกตัวในทีมชาติอีกเลย
สถิติ
แก้สโมสร
แก้สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | อื่นๆ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ||
อิปสวิช ทาวน์ | 2001–02[17] | พรีเมียร์ลีก | 5 | 1 | 0 | 0 | 1 | 1 | 1[a] | 0 | 7 | 2 |
2002–03[18] | ดิวิชัน 1 | 35 | 12 | 2 | 3 | 3 | 2 | 3[a] | 1 | 43 | 18 | |
2003–04[19] | ดิวิชัน 1 | 37 | 15 | 1 | 0 | 1 | 0 | 2[b] | 1 | 41 | 16 | |
2004–05[20] | แชมเปียนชิป | 45 | 20 | 1 | 0 | 2 | 0 | 2[c] | 0 | 50 | 20 | |
รวม | 122 | 48 | 4 | 3 | 7 | 3 | 8 | 2 | 141 | 56 | ||
ชาร์ลตัน แอธเลติก | 2005–06[21] | พรีเมียร์ลีก | 36 | 18 | 5 | 2 | 3 | 2 | — | 44 | 22 | |
2006–07[22] | พรีเมียร์ลีก | 32 | 13 | 0 | 0 | 3 | 2 | — | 35 | 15 | ||
รวม | 68 | 31 | 5 | 2 | 6 | 4 | — | 79 | 37 | |||
ทอตนัม ฮอตสเปอร์ | 2007–08[23] | พรีเมียร์ลีก | 27 | 6 | 0 | 0 | 1 | 0 | 8[a] | 2 | 36 | 8 |
2008–09[24] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 12 | 1 | 0 | 3 | 1 | 6[a] | 4 | 43 | 17 | |
รวม | 60 | 18 | 1 | 0 | 4 | 1 | 14 | 6 | 79 | 25 | ||
ซันเดอร์แลนด์ | 2009–10[25] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 24 | 2 | 1 | 0 | 0 | — | 40 | 25 | |
2010–11[26] | พรีเมียร์ลีก | 20 | 8 | 1 | 1 | 2 | 2 | — | 23 | 11 | ||
รวม | 58 | 32 | 3 | 2 | 2 | 2 | — | 63 | 36 | |||
แอสตัน วิลลา | 2010–11[26] | พรีเมียร์ลีก | 16 | 9 | — | — | — | 16 | 9 | |||
2011–12[27] | พรีเมียร์ลีก | 22 | 9 | 2 | 1 | 1 | 0 | — | 25 | 10 | ||
2012–13[28] | พรีเมียร์ลีก | 16 | 3 | 2 | 2 | 5 | 1 | — | 23 | 6 | ||
2014–15[29] | พรีเมียร์ลีก | 7 | 0 | — | 1 | 0 | — | 8 | 0 | |||
รวม | 61 | 21 | 4 | 3 | 7 | 1 | — | 72 | 25 | |||
ฟูลัม (ยืมตัว) | 2013–14[30] | พรีเมียร์ลีก | 24 | 3 | 3 | 2 | 3 | 1 | — | 30 | 6 | |
ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน (ยืมตัว) | 2014–15[29] | แชมเปียนชิป | 5 | 2 | — | — | — | 5 | 2 | |||
ดาร์บี เคาน์ตี (ยืมตัว) | 2014–15[29] | แชมเปียนชิป | 15 | 10 | 2 | 2 | — | — | 17 | 12 | ||
ดาร์บี เคาน์ตี | 2015–16[31] | แชมเปียนชิป | 21 | 2 | 1 | 1 | 1 | 0 | 2[c] | 0 | 25 | 3 |
2016–17[32] | แชมเปียนชิป | 37 | 10 | 2 | 2 | 3 | 1 | — | 42 | 13 | ||
2017–18[33] | แชมเปียนชิป | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | |
รวม | 73 | 22 | 5 | 5 | 4 | 1 | 2 | 0 | 84 | 28 | ||
เบอร์ตัน อัลเบียน (ยืมตัว) | 2017–18[33] | แชมเปียนชิป | 15 | 2 | — | — | — | 15 | 2 | |||
รวมทั้งหมด | 486 | 179 | 25 | 17 | 33 | 13 | 24 | 8 | 568 | 217 |
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 Appearance(s) in UEFA Cup
- ↑ Appearances in First Division play-offs
- ↑ 3.0 3.1 Appearances in Championship play-offs
อ้างอิง
แก้- ↑ Hugman, Barry J. (2005). The PFA Premier & Football League Players' Records 1946–2005. Queen Anne Press. p. 56. ISBN 1852916656.
- ↑ 2.0 2.1 "Darren Bent". Soccerbase. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-29. สืบค้นเมื่อ 10 July 2007.
- ↑ Taylor, Louise (17 January 2011). "Darren Bent heads for Aston Villa in record £24m deal". The Guardian. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2016.
- ↑ "Wigan 0–0 Aston Villa". BBC Sport. 25 February 2012. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
- ↑ "Aston Villa confirm departure of Darren Bent and offer Ron Vlaar new contract". The Guardian. London. 8 June 2015. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
- ↑ "Darren Bent: Ex-England and Tottenham striker retires aged 35". BBC Sport. 25 July 2019. สืบค้นเมื่อ 26 July 2019.
- ↑ "England's matches: The under 21's: 2000–10". England Football Online. 29 September 2017. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.
- ↑ Rollin, Glenda; Rollin, Jack, บ.ก. (2003). Sky Sports Football Yearbook 2003–2004. London: Headline Publishing Group. p. 886. ISBN 978-0-7553-1228-3.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อRothmans0203
- ↑ Díaz Rubio, Julian (5 August 2002). "European U-19 Championship 2002". Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.
- ↑ "Bent replaces Johnson for England". BBC Sport. 14 August 2005. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
- ↑ "Walcott & Lennon in England squad". BBC Sport. 8 May 2006. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
- ↑ "Round-up: Johnson blow for England". The Daily Telegraph. London. 4 October 2006. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
- ↑ "Fabio Capello makes surprise England World Cup choices". BBC Sport. 11 May 2010. สืบค้นเมื่อ 18 May 2011.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSwitzerland 1-3 England
- ↑ Evans, Gregg (26 March 2011). "Aston Villa: Darren Bent set for first competitive England start". Birmingham Mail. สืบค้นเมื่อ 10 November 2015.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2001/2002". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2002/2003". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2003/2004". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2004/2005". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
"Ipswich 2–1 Wolves". BBC Sport. 30 August 2004. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012. - ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2005/2006". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2006/2007". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2007/2008". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2008/2009". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2009/2010". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 17 September 2012.
- ↑ 26.0 26.1 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2010/2011". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 November 2016.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 August 2012.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 27 December 2015.
- ↑ 29.0 29.1 29.2 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 8 June 2015.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 27 December 2015.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 30 May 2016.
- ↑ "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 7 December 2017.
- ↑ 33.0 33.1 "Games played by แดร์เรน เบนต์ in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 24 July 2018.